วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ขายอะไรดี ขายอะไรรวย


     สวัสดีครับ หลายคนคงอยากรู้ว่าขายอะไรดี ขายอะไรรวย เป็นคำถามที่ตอบง่ายและตอบยากในเวลาเดียวกัน มาว่ากันที่ ขายอะไรดี สินค้าที่ขายดี ถ้าสังเกตุดีๆก็จะมีให้เราเห็นอยู่ทั่วๆไป ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของขวัญ ของเล่น เสื้อผ้า และอีกมากมาย มันขึ้นอยู่กับสินค้าที่ขายนั้นอยู่ถูกที่ถูกเวลารึปล่าว สินค้าแทบทุกอย่างมันขายได้ครับ ถ้าอยู่ถูกที่ถูกเวลา

ขายอะไรดี ขายอะไรรวย


    ทำเลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าเปรียบเทียบเล่นๆ ก็คงเหมือนกับการตกปลา ถ้าคุณอยากได้ ปลาสวาย ใช้เหยื่ออย่างดี ทั้งขนมปัง เหยื่อหมัก เบ็ดสายเอ็นและคันอย่างดี แต่ไปตกที่ทะเล ตกทั้งวันคงไม่มีทางได้ปลาสวายแน่ๆ ไม่ใช่ว่าเห็นเป็นบ่อ บึง แม่น้ำ แล้วคุณจะตกได้ปลาสวาย คุณต้องรู้ว่า แหล่งของมันอยู่ที่ไหน จุดไหน เวลาไหน น้ำขึ้นหรือลง เมื่อรู้แล้วค่อยจัดการลงมือตก อย่างน้อยการบ้านที่คุณทำมา วันนั้นคุณต้องได้ ปลาสวายกลับไปซักตัวล่ะน่ะ



    มันก็ไม่แตกต่างกับการขายของ ถ้าคุณขายของแต่งรถซิ่ง แต่คุณดันไปขายที่ ตลาดที่เขาขายเสื้อผ้ากัน ต่อให้คนเยอะแค่ไหน โอกาสที่จะขายได้มันก็น้อยเหลือเกิน ดังนั้นต้องหาแหล่ง และเวลา ที่เหมาะกับการขายสินค้านั้น ว่าควรขายที่ไหนเวลาไหน มีสินค้าดีก็เหมือนกับมีเหยือที่ดี ปลาพร้อมที่จะกินเหยื่ออยู่เสมอ แต่ถ้ามีเหยือที่ดีแต่ไปหย่อนลงในตุ่มก็คงเลิกพูดกันเถอะครับ




    สินค้าขายดีไม่ใช่ว่าขายดีแล้วจะรวย สินค้าที่ขายแล้วรวยอาจจะไม่ใช่สินค้าที่ขายดี ขายอะไรรวย ถ้าคิดกันดี ผมว่าหลายคนก็รู้ครับ ว่าขายอะไรแล้วรวยได้เงินเยอะ ไม่เชื่อคุณลองหยุดคิดดูสิครับ ว่าขายอะไรรวย ...........

    อันดับต้นๆเลย ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายทอง ขายเพรช เห็นไหมเยอะแยะ แต่ถามว่า คุณมีความสามารถหรือทุนพอรึปล่าว ถึงมีทุนแต่ไม่มีความรู้จากที่จะรวยกลายเป็นจนไปซะงั้น หลายคนอยากรวยเร็ว สินค้าที่ทำให้รวยจริงๆก็มีเยอะแยะ เล่นแร่แปลธาตุ ซื้อกระดาษ สัญญาแล้วแปลเปลี่ยนให้เป็นเงิน เช่น เล่น หุ้น ,ตลาดซื้อขายล่วงหน้า ,ทองคำ , forex, ถ้าคุณมีทุน และมีความรู้ สินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่น่าสนใจฟุดๆ แต่ถ้ามีแต่ทุนอย่างเดียว แนะนำ ศึกษาให้ดีก่อนนะครับก่อนที่จะกลายเป็นแมลงเม่าตัวต่อไป ต้องคิดไว้เสมอว่า ไม่มีอะไรในโลกนี้ได้มาง่ายๆ ถ้ามันง่ายๆขนาดนั้นทุกคนคงรวยกันไปหมดแล้ว ครับ



     ดังนั้นก่อนที่จะคิดทำธุรกิจอะไร ต้องคิดว่า ถ้าขาย ต้องขายดี แล้วเมื่อขายดี แล้วต้องรวย ความรวยของแต่ล่ะคนไม่เท่ากัน ถ้าต้องการเงิน 1 ล้านบาท แต่มานั่งขายน้ำเต้าหู้ ถุงละ 5 บาท แล้วเมื่อไหร่จะได้ 1 ล้าน เป็นไปได้นะครับ 1 ล้านบาท = น้ำเต้าหู้ 2 แสนถุง ถ้าขายคนเดียวก็คงตายกันพอดี แต่ถ้าทำให้มันเป็นระบบขึ้นมาก็ไม่แน่นะครับ ดูตัวอย่าง คุณตัน โอชิตัน ขายน้ำ ชาเขียว ใครจะคิดว่า แค่น้ำชาเขียว จะทำให้คนๆหนึ่ง รวยได้ถึงขนาดนั้น



    ในเมื่อชาเขียว ยังขายดี ชาเขียวยังขายได้ ชาเขียวยังรวยได้ สินค้าอย่างอื่นก็ต้องรวยได้เหมือนกัน แต่ปัจจัยไม่ได้อยู่ที่ตัวสินค้าอย่างเดียว มันมีองค์ประกอบอื่นๆ ซึ่งนั้นก็เป็นหน้าที่ของคุณ ที่ต้องศึกษา เพื่อพัฒนา ให้สินค้าของคุณ ขายดี และความรวยจะตามมานะครับ

                                                                                                                                     M.R. K



วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ซื้อมาขายไป กำไรทันที

 

  สวัสดีครับ ว่ากันด้วย ซื้อมาขายไปกำไรทันที  การลงทุนทำธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ก็ต้องใช้เงินทุนกันทั้งนั้น เพื่อนๆเคยได้ยินคำเชิญชวน แบบประมาณว่า ลงทุน 1 แสนบาท หาทำเลให้ดี 3 เดือนก็คืนทุน โห บางคนบอกว่าน่าทำนะ 3เดือนก็คืนทุนล่ะ ที่เหลือก็กำไรแล้วสิ บางคนก็ โห ตั้ง3 เดือนพึ่งคืนทุน มะเอาดีฟ่า ของแบบนี้มันก็แล้วแต่มุมมองครับ  ไม่มีผิดไม่มีถูกอยู่ที่ความพอใจ และการตัดสินใจของแต่ละคน

  แต่จากประสบการณ์ของผม ผมมองว่าธุรกิจแนวซื้อมาขายไปนั้น ถ้าคิดจะทำสินค้าต้องเป็นสินค้าที่ไม่ต้องมานั่งผลิตเอง เมื่อเราไม่ต้องมานั่งผลิตจะได้เต็มที่กับการขายและการตลาด หลายธุรกิจมีปัญหากับการผลิต โดยเฉพาะธุรกิจเปิดใหม่ประสบการณ์น้อย ผลิตสินค้ามาขาย เกิดปัญหา ขายไม่ดีก็เลิก ขายดีก็เลิก เพราะเหนื่อยกับการผลิต ( แบบว่าผลิตไม่ทันขาย)

  ดังนั้นธุรกิจซื้อมาขายไป ไม่ว่าจะขายอะไร พยายามลดขั้นตอนการผลิตให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้  ถ้าเพื่อนๆคิดที่จะทำธุรกิจแบบซื้อมาขายไป ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ได้กำไรเร็วที่สุด คืนทุนเร็ว กำไรเร็ว ยิ่งหัดคิด หัดทำไปเรื่อยๆ เชื่อว่าธุรกิจซื้อมาขายไปของเพื่อนๆ ต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน จากเงิน 10,000 จะกลายเป็นเงิน ล้านได้ไม่ยาก

 ดูตัวอย่างง่ายๆ ซื้อมาขายไปของกิน


     บางคนชอบขายของกินเพราะ คนเราต้องกินทุกวัน ขายได้ทุกวัน งั้นขายไรดีเอาง่ายๆล่ะกัน ขายข้าวเหนียวหมูปิ้งล่ะกัน แล้วต้องทำไงบ้างล่ะ ทดลองทำหมักหมู ทำข้าวเหนียว จนรสชาติ ok ล่ะขายได้เลย (บางเจ้ารสชาติและความสะอาดไม่ ok ยังขายได้เลย) เช้ามาต้องซื้อหมู หั่นหมู หมักหมู นึ่งข้าวเหนียว เสร็จ ออกไปตั้งร้านขายได้ล่ะ ขายเสร็จ แยกทุน กำไร และวนเวียนกลับไปทำเหมือนเดิมในทุกวัน

    และอีกคนขายข้าวเหนียวหมูย่างเหมือนกัน เขาหาเจ้าที่ขายส่ง ที่รสชาติดี เนื้อหมูเสียบไม้ให้เสร็จ พร้อมข้าวเหนียวนึ่งเสร็จ มาถึงปิ้งขายได้เลยไม่ต้องมานั่งผลิต กำไรก็พอกันกับทำเองแต่ประหยัดเวลาและลดความเหนื่อยลงไปได้มากกว่าครึ่ง

   เห็นไหมครับว่าธุรกิจซื้อมาขายไป แบบไม่ต้องมานั่งผลิตนั้นสะดวกและกำไรเร็วกว่าเยอะเลยครับ

จะดีไหมครับถ้าเพื่อนๆมีสินค้าให้เลือกทำ ธุรกิจซื้อมาขายไป มากมายตามความถนัด ลงทุนน้อย กำไรเยอะ แถมไม่ต้องมานั่งผลิตให้เมื่อยตุ้ม และที่สำคัญไม่ใช่หมูปิ้งนะครับ 555



                                                                                                                                  M.R. K



วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ขายอะไรได้กำไรดี

   ขายอะไรได้กำไรดี


    อาจจะฟังดูง่ายกว่า ขายอะไรดี เพราะขายอะไรกำไรดี ยังเจาะจงว่า ขายแล้วได้กำไรดี  ดีกว่าสินค้าขายดีแต่ไม่มีกำไร  555 งงไหมครับ  ยกตัวอย่างครับ

    ลูกค้าผมขายของที่ตลาดนัดกลางคืน พี่เขาขายนาฬิกา LED ร้านข้างๆขายสินค้า ทุกอย่าง 20 บาท พี่เขาสังเกตุว่า ร้านข้างขายไม้แขวนเสื้อ 20 บาท 1 ห่อ มี 5 ชิ้น ขายดีมีลูกค้าซื้อเรื่อยๆ ส่วนร้านพี่ที่ขายนาฬิากา LED คนเดินเข้ามาถาม นานๆคน แต่ก็มีมาเรื่อยๆ



   พี่เขาสนิทกับร้าน ขาย 20 บาท ข้างๆเพราะเจอกันที่ตลาดนัดบ่อย พอตลาดปิดต่างคนต่างทยอยเก็บของ  พี่เขาเลยพูดแซวๆไปว่า โหพี่ขายดีจังนะครับ   พี่ร้าน 20 บาท ก็บอกว่า ขายได้ ประมาณ 50 - 60 คน พี่เขาเลยถามกลับว่า วันนี้ขาย นาฬิกาได้กี่เรือน พี่เขาก็ตอบไป ว่า 3 เรือนครับพี่ ขายไม่ค่อยดี ครับ

   ถ้าดูแบบนี้แล้วก็เห็นๆกันอยู่ว่าสินค้าอะไรขายดีกว่ากัน ไม้แขวนเสื้อขายดีกว่า นาฬิกา LED อยู่แล้ว 60 / 3 นาฬิกา แพ้ขาด แต่ถ้าเรามองลึกลงไปกว่านั้น ไม้แขวนเสื้อขายได้ 60 ห่อ 60 x 20 = 1,200 บาท กำไรประมาณ 600 บาท เป็นกำไรของร้านขายไม้แขวนเสื้อวันนั้น ส่วนร้านขายนาฬิกา ขายได้ 3 เรือน 990 บาท /เรือน ขายได้ 3 เรือน =2,700 บาท กำไรเรือนล่ะ 500 บาท 3 เรือน กำไร 1,500 บาท ในวันนั้น



   พอจะเห็นภาพไหมครับ ขายอะไรได้กำไรดี กับ อะไรขายดี เพราะสินค้าบางอย่างขายดีแต่กำไรน้อย แต่สินค้าบางอย่าง ขายได้น้อยแต่กำไรดี

     สุดท้ายก็หวังว่าเพื่อนๆหาสินค้าที่เป็นพระเอกได้ และหาแหล่งขายได้ ก็ขอให้สินค้าของเพื่อนๆเป็น สินค้าขายดีกำไรดี รวย เร็วๆ กันทุกคนนะครับ สวัสดีครับ


                                                                                                    M.R. K

มาติดตามและมาค้นหาสินค้าขายดีด้วยกันที่





วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ธุรกิจส่วนตัว ซื้อมาขายไป

ธุรกิจส่วนตัว ซื้อมาขายไป 



    สวัสดีครับ เพื่อนๆที่อยากทำธุรกิจส่วนตัว ซื้อมาขายไป  พูดถึงตอนที่เราหาสินค้ามาขาย สถานที่อันดับแรกๆที่เพื่อนๆจะหาสินค้ามาทำ ธุรกิจส่วนตัว ซื้อมาขายไป  จะคิดถึง แหล่งขายส่งที่เราจะหาสินค้ามาขายกัน ก็น่าจะเป็น ตลาดสำเพ็ง ตลาดประตูน้ำ ถ้าเป็นของสด ผลไม้ ก็ตลาดไทย ตลาดสี่มุมเมือง

  นอกนั้นก็แล้วแต่ว่าใครจะหาร้านที่ขายส่งได้ราคาถูก สินค้ามีคุณภาพ ถ้าใครหาร้านแบบนั้นเจอก็เหมือนเจอ บ่อเงิน บ่อทองดีๆนี่เอง เพราะ เท่ากับว่า เราจะทำกำไรจากการขายได้มากขึ้นนั้นเอง และลดความเสี่ยงจากการขายสินค้าไม่ออก เพราะสุดท้าย ถ้าเราพลาด สินค้านั้นขายไม่ออก เรายังลดล้างสต็อก เพื่อเอาทุนคืนได้อย่างไม่เจ็บตัวมาก



   ลองคิดดูเล่นๆสินค้าราคาขายปลีก 500 บาท รับมาจากร้านขายส่งได้ราคา 350 บาท กำไร 150 บาท แต่ถ้ารับจากร้านขายส่งอีกร้านนึงมาได้ 250 บาท ก็จะขายปลีกได้กำไร 250 บาท เพิ่มขึ้นมา 100 บาท เลยทีเดียว การที่เราเสียเงินลงทุนเพื่อจะทำธุรกิจส่วนตัว ซื้อมาขายไป ทุกคนคาดหวังกำไรจากการขายกันทั้งนั้น ถ้าขายแล้วไม่ได้กำไรหรือกำไรน้อยเกินไป แล้วจะเสียเวลาทำไปเพื่อ?




    ดังนั้นเมื่อเราคาดหวังกำไรจากการทำ ธุรกิจส่วนตัว ซื้อมาขายไป  เราก็ต้องคิดถึงความคุ้มค่าของกำไรที่เราจะได้ เพราะเวลาเป็นเงินเป็นทอง เหมือนพนักงานทำงานประจำ ค่าแรงแต่ละคนไม่เท่ากัน ขั้นต่ำ 300 บาท/ 8 ชั่วโมง ระดับที่สูงขึ้น ก็อาจจะ 1,000 บาท / 8 ชั่วโมง ค่าแรงขึ้นอยู่กับระดับการศึกษาและความสามารถ แต่พ่อค้า นักธุรกิจ ค่าแรงขึ้นอยู่กับกำไรของสินค้า และความสามารถในการขาย ถ้าสินค้ากำไร 250 บาท + วิธีทางการตลาด ใน 1 วันขายไดเฉลี่ย 10 สินค้าต่อวัน = รายได้ต่อวัน 2,500 บาท บริหารจัดการดีๆมีเวลาเหลือ คุณก็จะมีทั้งเงิน และเวลา ผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจส่วนตัว ซื้อมาขายไป


   การเป็นพนักงานประจำ รายได้จะถูกจำกัดตามระดับขั้นตำแหน่ง ต่อให้ขยันแค่ไหนก็อาจจะได้มากกว่าเดิมนิดหน่อย แลกกับกำลังกายกำลังสมอง ของเรา เวลาของเรา แต่พ่อค้านักธุรกิจนั้นรายได้ไม่จำกัดแต่ต้องมีความสามารถและหาความรู้และเทคนิคใหม่ๆอยู่เสมอ

    ผมชอบประโยคคำพูดจากหนังสือเล่มหนึ่ง ที่อากงพูดกับหลานชาย ขณะนั้นหลานชายของเขาทำงานบริษัทแห่งหนึ่งที่มั่นคง เงินเดือน 40,000 กว่าบาท อากงพูดว่า ลื้ออยากรวยไหม หลานตอบว่า อยากสิครับ อากง ใครๆก็อยากรวยกันทั้งนั้นแหละ อากงพูดว่า เอางี้ อากงมีเงินอยู่ 100 ล้านบาท หลานชาย โห อากง มีเงินตั้งเยอะ อางกงพูดว่า อั้วจะให้ลื้อ

    แต่มีข้อแม้ ''หลานชาย'' ข้อแม้อะไรหรือครับ อากงบอกว่า อั้วจ้างลื้อ 100 ล้านบาท ให้ลื้อไปตัดแขนขวา ออกข้างนึง หลานชายคิดหนัก และเวลาไม่นาน ก็มาบอกกับอากงว่า ผมไม่เอาดีกว่า ได้เงิน 100 ล้านแต่ต้องเสียแขนไปข้างนึง ผมว่ามันไม่คุ้มอ่ะ ครับ ต้องแขนด้วนไปตลอดชีวิต แต่ลื้อรวยเลยนะ อากงย้ำ ไม่เอาครับ ถ้าต้องแลกกับแขนข้างนึง ผมไม่เอา อากงก็เลยพูดว่า อั้วไม่เข้าใจลื้อเลย 100 ล้านบาท ลื้อไม่เอาบอกว่าไม่คุ้ม แต่ลื้อให้บริษัทจ้างลื้อ 40,000 บาท/ ด มันไม่ได้เอาแต่แขนลื้อไปนะ มันเอาเวลาของลื้อ ร่างกายและสมอง ของลื้อ ไป เกือบทั้งหมด ทำไมลื้อถึงยอม ทั้งๆที่อากงมองว่า มันไม่เห็นคุ้มเลย ........ มาถึงตรงนี้ เข้าใจสิ่งที่อากงจะบอกไหมครับ.............  น่าคิดนะครับ

                                                                                                                   M.R.  K